กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นประกาศเมื่อวันพุธว่าการขาดดุลการค้าของประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 897.7 พันล้านเยน (6.7 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนกุมภาพันธ์ ขยายการขาดดุลการค้าติดต่อกันเป็น 19 เดือน ความไม่สมดุลทางการค้ามีสาเหตุหลักมาจากการนำเข้าพลังงานที่เพิ่มขึ้นและเงินเยนที่อ่อนค่าลง
ข้อมูลเบื้องต้นเปิดเผยว่าการนำเข้าของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 8.3% เป็น 8.55 ล้านล้านเยนในเดือนก.พ.ปีต่อปี ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 6.5% เป็น 7.65 ล้านล้านเยน ส่งผลให้ขาดดุลการค้ามากขึ้น
แม้จะขาดดุลการค้าโดยรวม แต่ญี่ปุ่นยังคงเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ที่ 530,500 ล้านเยน โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการส่งออกรถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยา และเครื่องจักรที่สูงขึ้น การส่งออกของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 14.9% เป็น 1.46 ล้านเยน ในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 6.6% เป็น 925.6 พันล้านเยน
ในทางกลับกัน การขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นกับจีนอยู่ที่ 209.8 พันล้านเยน โดยมีการนำเข้าจากจีนอยู่ที่ 1.53 ล้านล้านเยนในเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในทางกลับกัน การส่งออกไปจีนลดลง 10.9% เหลือ 1.32 ล้านล้านเยน
ญี่ปุ่นประสบปัญหาการขาดดุลการค้าตั้งแต่ภัยพิบัติฟุกุชิมะในปี 2554 ซึ่งนำไปสู่การปิดโรงงานนิวเคลียร์และการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลเพิ่มขึ้นตามมา การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแต่จะทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นโดยส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน และทำให้อุปสงค์สินค้าญี่ปุ่นในตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งลดลง
การประกาศของกระทรวงการคลังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มความกังวลให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น เนื่องจากพยายามที่จะกระตุ้นการส่งออกและบรรลุดุลการค้าที่สมดุลมากขึ้น