สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าปิดลดลงในวันจันทร์ (5 ธ.ค.) เนื่องจากตลาดกังวลว่าดัชนีภาคบริการที่พุ่งสูงขึ้นเกินคาดอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 3.05 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 76.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ BRENT ลดลง 2.89 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 82.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในขั้นต้น สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงขององค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและ OPEC+ ที่ลดการผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม ได้มีการยืนยันนโยบายการผลิตอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงภายหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดออกมาดีกว่าคาด สิ่งนี้สามารถยืนยันได้ว่าเฟดมีแผนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังห่างไกลจากเป้าหมาย
สถาบันการจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานเมื่อคืนนี้ว่า PMI นอกภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นเป็น 56.5 จาก 54.4 ในเดือนตุลาคม สูงกว่าความคาดหมายที่ 53.1 โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐรายงานว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 263,000 ในเดือนพฤศจิกายน รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงสำหรับคนงานเพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตัวเลขรายรับรายชั่วโมงเป็นข้อมูลที่เฟดมุ่งเน้นเพื่อบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
สหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเพดานราคาน้ำมันของรัสเซียที่ราคา 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม นอกจากนี้ ที่ประชุมกำหนดให้มีการทบทวนมาตรการเหล่านี้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เพดานราคาต่ำกว่าราคาตลาดเฉลี่ยอย่างน้อย 5%
มาตรการจำกัดราคาน้ำมันของรัสเซียมีเป้าหมายเพื่อลดรายได้ของรัสเซียจากการขายน้ำมันที่จะเป็นเงินทุนในการทำสงครามในยูเครน แต่ทั้งนี้จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันทั่วโลกจนทำให้เกิดการขาดแคลน