สัญญาซื้อขายล่วงหน้า WTI ปิดสูงขึ้นในวันพฤหัสบดี (1 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และหวังว่าอุปสงค์น้ำมันในจีนจะฟื้นตัวหลังจากทางการจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในกรุงปักกิ่งและกว่างโจว
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 81.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า BRENT ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.1% เท่ากับ 86.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก 6 สกุลร่วงลง 1.15% ในชั่วข้ามคืนสู่ระดับ 104.7300 โดยดอลลาร์ทำให้สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ค้าที่ถือสกุลเงินอื่น
นอกจากนี้ นักลงทุนตอบสนองต่อรายงานข่าวที่ว่าทางการจีนได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในกรุงปักกิ่งและกว่างโจว ในกรุงปักกิ่ง ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 และแสดงอาการเพียงเล็กน้อยสามารถถูกกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 1 สัปดาห์ แทนที่จะถูกส่งไปยังศูนย์กักกันที่รัฐบาลกำหนดเหมือนเมื่อก่อน เมืองกว่างโจวยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เมื่อวานนี้
รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่าจีนกำลังเผชิญกับสถานการณ์และความท้าทายใหม่ในการป้องกันและควบคุมโรค ผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันเพื่อประท้วงนโยบาย Zero COVID ในหลายพื้นที่ของประเทศ
นักลงทุนกำลังรอการประชุมนโยบายการผลิตของ OPEC และ OPEC+ ในวันที่ 4 ธันวาคม ในขณะที่แหล่งข่าว 5 แหล่งกล่าวว่า OPEC+ จะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตในการประชุม อีกสองแหล่งคาดว่า OPEC+ จะลดการผลิตลงอีก
นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาการประชุมของสหภาพยุโรปเพื่อหาฉันทามติในการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย สหภาพยุโรปได้หารือเกี่ยวกับการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซียที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และทบทวนมาตรการดังกล่าวทุกๆ 2 เดือนด้วยความหวังว่าข้อเสนอดังกล่าวจะช่วยสร้างฉันทามติ มติดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสมาชิกสหภาพยุโรปมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับประเด็นนี้
มาตรการจำกัดราคาน้ำมันของรัสเซียมีเป้าหมายเพื่อลดรายได้ของรัสเซียจากการขายน้ำมันที่จะเป็นเงินทุนในการทำสงครามในยูเครน แต่ทั้งนี้จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันทั่วโลกจนทำให้เกิดการขาดแคลน
หากสหภาพยุโรปไม่สามารถบรรลุฉันทามติในการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย สหภาพยุโรปจะถูกบังคับให้ใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นโดยการประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมดจากรัสเซียตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม