ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในการซื้อขายในเอเชียในวันจันทร์ (12 ก.ย.) เนื่องจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาและยุโรปยังคงส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ และสถานการณ์โควิด-19 ที่ตึงตัวในจีนจะบดบังแนวโน้มอุปสงค์ทั่วโลก
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ร่วงลง 78 เซนต์หรือ 0.9% สู่ 86.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 92.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 73 เซนต์หรือ 0.8%
ราคามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า กำไรจากการลดอุปทานเล็กน้อยของ OPEC และ OPEC+ ถูกชดเชยด้วยการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่องในจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก
ความต้องการใช้น้ำมันของจีนอาจหดตัวในปีนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี เนื่องจากนโยบายปลอด coronavirus ของปักกิ่งช่วยให้ผู้คนอยู่ที่บ้านในช่วงวันหยุดยาวและลดการใช้เชื้อเพลิง
นักวิเคราะห์จาก Commonwealth Bank of Australia กล่าวว่า “ความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์มีศูนย์กลางอยู่ที่ผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อของจีนและนโยบายปลอดเชื้อโคโรนาไวรัส”
ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจเพิ่มมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆ ซึ่งจะทำให้น้ำมันในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุน
ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปี คาดว่าอุปทานจะตึงตัวยิ่งขึ้นเมื่อสหภาพยุโรปห้ามส่งออกน้ำมันของรัสเซียมีผลใช้บังคับในวันที่ 5 ธันวาคม
กลุ่มประเทศ G7 จะจำกัดรายได้จากการส่งออกน้ำมันที่ร่ำรวยของรัสเซียโดยกำหนดข้อจำกัดราคาน้ำมันของรัสเซียภายหลังการรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์