สัญญาน้ำมันดิบปิดลดลงในวันพุธ (7 ก.ย. ) เนื่องจากข้อมูลการค้าของจีนที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนกลัวว่าเศรษฐกิจจะถดถอย ตลาดยังถูกกดดันจากความตั้งใจของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน

  • ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ลดลง 4.94 ดอลลาร์หรือ 5.7% ปิดที่ 81.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเบรนท์ร่วงลง 4.83 ดอลลาร์หรือ 5.2% ที่ 88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

WTI และ Brent ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ โดย Brent ตกลงต่ำกว่า 90 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์

ตลาดอยู่ภายใต้แรงกดดันเนื่องจากข้อมูลการค้าที่น่าผิดหวังจากประเทศจีน สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่าการส่งออกของจีนขยายตัวเพียง 7.1% ในเดือนสิงหาคม เป็นการชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจากการเติบโต 18% ในเดือนกรกฎาคม

ในขณะเดียวกัน การนำเข้าเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ชะลอตัวจากที่เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนกรกฎาคม

ข้อมูล GAC ระบุว่าจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก นำเข้าน้ำมันดิบ 9.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นจาก 8.79 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม

การนำเข้าน้ำมันดิบมีจำนวน 9.92 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้ ลดลง 4.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีจากมาตรการล็อกดาวน์ในเมืองใหญ่ ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง

ตลาดยังได้รับอิทธิพลจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) วางแผนที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมในวันนี้ นอกจากนี้ เฟดยังคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในวันที่ 21 กันยายน

เมื่อวานนี้ ธนาคารแห่งประเทศแคนาดาได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลัก 0.75% เป็น 3.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ธนาคารกลางออสเตรเลียขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สำคัญ 0.50% เป็น 2.35% โดยทั้งสองธนาคารกลางประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ

นักลงทุนกำลังรอรายงานสินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐที่จะเผยแพร่โดย EIA วันนี้ ในขณะที่นักวิเคราะห์ในการสำรวจของ S&P Global คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรลสำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 กันยายน

Leave a Reply

Discover more from

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading