ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกหนังสือเวียนไปยังสถาบันการเงินโดยระบุว่าจะไม่ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrencies
ด้วยการควบคุมที่เข้มงวดนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนึงถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งไม่สามารถระบุผู้ออกได้อย่างชัดเจนหรือไม่มีผู้ค้ำประกัน นอกจากนี้ยังไม่มีทางติดตามการขโมยทรัพย์สินที่มีค่าในโลกไซเบอร์ ซึ่งยังระบุเป็นเหตุผลที่สามารถใช้เป็นวิธีการฟอกเงินได้
ก่อนหน้านี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ (SCB) เข้าถือหุ้นในบริษัทแลกเปลี่ยน crypto ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอย่าง Bitkub โดยเข้าซื้อหุ้นมากกว่า 51% อย่างไรก็ตาม ธปท. ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจาก SCB ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
ดังนั้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินและความเชื่อมั่นของประชาชน ธปท. จึงขอให้สถาบันการเงินทุกแห่งร่วมมือกัน โดยยังระบุกรณีที่ไม่ให้มีการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิตอล ดังนี้:
- การลงทุนหรือซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเพื่อประโยชน์ของสถาบันและลูกค้า
- ให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลผ่านช่องทางบริการของสถาบัน
- การสร้างแพลตฟอร์มตัวกลางสำหรับลูกค้าในการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิตอล
- อนุญาตให้ลูกค้าใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อ cryptocurrencies
- การสนับสนุนหรือคำแนะนำในการลงทุนหรือแลกเปลี่ยน cryptocurrencies
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารกลางไม่ต้องการเป็นมิตรต่อ cryptocurrencies อย่างชัดเจน